
การวิจัย (Research) หมายถึง การค้นหาความรู้ ความจริง ด้วยวิธีการที่เป็นระบบมีเหตุ มีผลเชื่อถือได้
ปรัชญา (Philosophy) แปลตามรากศัพท์ “Sophia” คือ ความรัก ความปราดเปรื่อง ปัญญา เมื่อกล่าวถึงปรัชญาจึงมีคำถามที่ต้องค้นหาคำตอบเชิงปรัชญาซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. กลุ่มอภิปรัชญา (Metaphysics) หรือ ภวันตวิทยา (Ontology) กลุ่มนี้มีความคำถามเชิงปรัชญาว่า “ความจริงคืออะไร” ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ
1.1 กลุ่มเอกนิยม (Monism) มีความเชื่อว่า ความจริงเป็นเพียงหนึ่งเดียว
1.1.1 พวกจิตนิยม (Idealism) มีความชื่อว่าความจริงหนึ่งเดียวคือ จิต (Mind) หรือแบบ (Form)
1.1.2 พวกสสารนิยม (Materialism) มีความเชื่อว่าความจริงหนึ่งเดียวคือ กาย (Body) หรือ สสาร (Material)
1.2 กลุ่มทวินิยม (Dualism) มีความเชื่อว่า ความจริงแบ่งเป็นสอง คือ ประกอบไปด้วยกายและจิต หรือทั้งแบบและสสาร ทั้งสองสิ่งอยู่ด้วยกันเสมือนเหรียญสองด้าน เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันประดุจดังสสารและพลังงาน
1.3 กลุ่มพหุนิยม (Pluralism) มีความเชื่อว่า ความจริงมีมากกว่าสอง ความจริงคือธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นต้น นั่นคือ ความจริงมีได้หลากหลายไม่จำกัด
กล่าวโดยสรุป คำตอบของที่ว่าความจริงคือ อะไร ก็คือ ความจริงคือสิ่งที่เชื่อว่าจริง
2. กลุ่มญาณวิทยา (Epistemology) กลุ่มนี้มีคำถามเชิงปรัชญาว่า วิธีการค้นพบความจริงต่าง ๆ นั้นทำได้อย่างไร ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ย่อย คือ
2.1 กลุ่มเหตุผลนิยม (Rationalism) กลุ่มนี้เชื่อว่าการค้นหาความจริงทำได้โดยการให้เหตุผล ครุ่นคิด หรือ กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า การคิดอย่างมีเหตุผล ซึ่งอาศัยหลักนิรนัย (Deduction) เป็นเครื่องมือ ความจริงเป็นสิ่งที่ได้มาจากภายใน ไม่ใช่ภายนอก ความจริงเป็นสิ่งนิรันดร ไม่แปรเปลี่ยน
2.2 กลุ่มประจักษ์นิยม (Empiricism) กลุ่มนี้เชื่อว่าการค้นหาความจริงต้องอาศัยประสบการณ์ ความจริงเกิดภายหลังจากมนุษย์เกิด ความจริงไม่อยู่ก่อนเป็นนิจนิรันดร สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีประสบการณ์คือ ประสาทสัมผัส ทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย ซึ่งเป็นเครื่องมือในการค้นหาความจริง ไม่ใช่จิตแต่อย่างใด แม้จะต้องใช้จิตครุ่นคิด แต่ก็คือความสัมพันธ์กันเท่านั้นเอง ซึ่งอาศัยหลักการอุปนัย (Induction) เป็นเครื่องมือสรุปข้อค้นพบ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ
2.2.1 กลุ่มปฏิฐานนิยม (Positivism) กลุ่มนี้มีความเชื่อเน้นการศึกษาปรากฏการณ์ที่เป็นวัตถุสสารที่สามารถสัมผัส จับต้องได้ แจงนับ วัดค่าได้อย่างเป็นวัตถุวิสัยหรือมีความเป็นปรนัย (Objectivity) และเชื่อว่าปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอไม่แปรเปลี่ยนง่าย ๆ ความเชื่อกลุ่มนี้ทำให้เกิด ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research Methodology) ทำให้การค้นพบความจริงในลักษณะเป็น กฎ ทฤษฎีต่าง ๆ
2.2.2 กลุ่มปรากฏการณ์นิยม (Phenomenologism) กลุ่มนี้มีความชื่อว่าปรากฏการณ์ทางสังคมมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงหรือมีความเป็นพลวัต (Dynamics) สูงดังนั้นการเข้าใจ ปรากฏการณ์ ไม่สามารถทำได้โดยการแจงนับ วัดค่าเป็นตัวเลข หากต้องเข้าใจถึงความหมายและระบบคุณค่า วัฒนธรรมของกลุ่มคนดังกล่าวก่อน ความเชื่อนี้ทำให้เกิดระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research Methodology)
เอกสารอ้างอิง
กีรติ บุญเจือ. ปรัชญาเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2521.
รัตนะ บัวสนธ์. ปรัชญาวิจัย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น